ข่าวเด่นวันนี้ 9/12/2566

ตม.เอาผิดสาวจีน ดิสเครดิตซอยนานา แฝงขายของเป็น "ต่างด้าว" จ่อขึ้นแบล็กลิสต์
ตม.แจ้งเอาผิดสาวจีน แต่งกายวาปหวิวเดินไลฟ์สดซอยนานา พูดให้ท่องเที่ยวไทยภาพลักษณ์หาย พบแฝงขายของออนไลน์ เข้าข่ายต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต จ่อขึ้นแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม.เร่งตรวจสอบ หลังสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์คลิปหญิงชาวจีน แต่งกายวาปหวิวเดินในซอยนานาและพูดในเชิงทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย เหตุเกิดพื้นที่ สน.ลุมพินี นั้น ดาว TiKTok สาวจีนนุ่งสั้น ถ่ายคลิปดิสเครดิตซอยนานา บอกคนมาที่นี่ 99% ไม่ใช่คนดี ผลการตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวคือ คือ น.ส.หวาง จือ ยู สัญชาติจีน เข้าประเทศไทยด้วยวีซ่าประเภท Thai Privilege Card จึงได้เชิญตัวมาซักถามปากคำ โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นคนทำคลิปจริง แต่ไม่ได้มีเจตนา ให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย โดยเพียงแต่ต้องการประชาสัมพันธ์ให้คนต่างชาติรู้ว่าสถานที่ไหนผู้หญิงไปคนเดียวควรจะระวังตัว จากการตรวจสอบพฤติกรรมของ น.ส.หวาง พบว่ามีการไลฟ์สดขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งเข้าข่ายการทำงานของคนต่างด้าวโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวฯ โดยพนักงานสอบสวน บก.สส.สตม. จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ น.ส.หวาง ทราบว่าเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปและในส่วนเจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จะได้สืบสวนเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องต่อไป ทาง สตม.ฝากเตือนมายังชาวต่างชาติที่เข้ามาสร้าง content ในประเทศไทย โดยพยายามให้เกิดประเด็นเชิงลบซึ่งไม่เป็นความจริง และเกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์และบรรยากาศการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมีเจตนาแฝงเพื่อสร้างกระแสเรียกยอดไลค์ในโซเชียล อาจเป็นเหตุให้ถูกดำเนินคดีตามความผิดที่เกี่ยวข้อง และขึ้นบัญชีคนต้องห้ามได้

จราจรทางพิเศษเจอถุงดำ หล่นบนทางด่วนแจ้งวัฒนะ เปิดออกมา เจอ "ทอง" เต็มถุง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 7 ธ.ค.66 เจ้าหน้าที่จราจรการทางพิเศษ นำถุงดำใบใหญ่ มาแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังพบถุงดำตกอยู่บนทางด่วนฝั่งขาลงถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อเจ้าหน้าที่จราจรการทางพิเศษเข้าไปตรวจสอบดูพบว่า ภายในถุงดำมีกระเป๋าเป้แบบสะพายลายพราง พร้อมกับเครื่องประดับทองรูปพรรณชนิดต่างๆ เป็นจำนวนมาก น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 100 บาท จึงได้นำทรัพย์สินที่ตรวจพบเดินทางมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน โดยไม่ทราบว่าเครื่องประดับที่พบเป็นทองแท้หรือทองปลอม ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบทองรูปพรรณดังกล่าว พบว่าเป็นเครื่องประดับเลียนแบบทองคำ ไม่ใช่ทองคำแท้ เพราะไม่พบตราสัญลักษณ์ของร้านทอง รวมทั้งกระเป๋าเป้ที่ใส่เครื่องประดับดังกล่าวก็ไม่ได้มีราคาแต่อย่างใด Advertisement หากเป็นทองรูปพรรณจริงจะมีราคาสูงมากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งขั้นตอนในการเก็บดูแลรักษาระหว่างเคลื่อนย้ายหรือเดินทางน่าจะมีความรัดกุมในเรื่องของความปลอดภัยมากกว่านี้ คงไม่ทำตกบนถนนทางด่วนได้ง่ายๆ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า เครื่องประดับเลียนแบบทองรูปพรรณดังกล่าว น่าจะเป็นของคนขายสินค้าเลียนแบบตามตลาดนัดหรือตลาดทั่วไป เผลอทำตกระหว่างเดินทาง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเก็บสินค้าที่พบไว้เพื่อรอเจ้าของเดินทางมารับคืนต่อไป

ปล่อยลูก 5 คน ใช้ชีวิตกันเองในห้างด้วยเงิน 40 ความจนมันบังคับ
ฟังเหตุผลของแม่ ปล่อยลูก 5 คน ใช้ชีวิตในห้างด้วยเงิน 40 บาท ให้พี่คนโตดูแลน้องๆ ไม่อยากทำแต่ความจนบังคับ กัน จอมพลัง หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ พม. และตำรวจ สน.บางเขน เข้าช่วยเหลือเด็ก 5 คน ซึ่งถูกพ่อและแม่นำมาปล่อยทิ้งไว้ที่ห้างแห่งหนึ่งย่านสะพานใหม่ สำหรับเด็กทั้ง 5 คน ถูกนำมาปล่อยไว้อยู่ที่บริเวณชั้นใต้ดิน โซนฟู้ดคอร์ทของห้าง ซึ่งอยู่ใกล้กับโซนเครื่องเล่นเด็ก โดยมีเพียงผ้าปู 1 ผืน ตุ๊กตา 2 ตัว รถเข็นเด็ก ถุงใส่ผ้าอ้อม กล่องข้าว ขวดน้ำ และมีพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในบริเวณดังกล่าว คอยช่วยกันดูแลเด็ก ซึ่งเมื่อไปถึงเด็กทุกคนอยู่ในสภาพเนื้อตัวมอมแมม ไม่สวมรองเท้า เจ้าหน้าที่ พม. จึงได้พาตัวเด็กทั้ง 5 คน และแม่ของเด็กมาสอบถามข้อมูล ที่ สน.บางเขน กัน จอมพลัง กล่าวว่า กรณีนี้ มีประชาชนแจ้งมาให้เข้าไปช่วยเหลือ หลังเห็นเด็ก 5 คนซึ่งเป็นพี่น้องกัน ถูกเอาไปทิ้งให้ใช้ชีวิตกันตามลำพังอยู่ในห้างดังกล่าวทุกวันเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ซึ่งมีพี่คนโตอายุ 12 ปี คอยดูแลน้อง ๆ ส่วนน้องเล็กสุดอายุเพียง 1 ขวบเท่านั้น ต้องกินน้ำเปล่าแทนนม โดยพ่อแม่เด็กจะให้เงินไว้ใช้วันละ 40 บาท ต้องใช้ซื้ออาหารกินด้วยกันทุกคน จนพ่อค้าแม่ค้าในห้างต้องช่วยกันเอาอาหารมาให้ ซึ่งภาพที่เห็นนั้นหดหู่มาก เด็ก 5 คนนั่งล้อมวงดูหนังสือ 1 เล่ม พยายามจะเรียนหนังสือกันเอง จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่า พ่อและแม่ของเด็ก จะพาเด็กทั้ง 5 คน มาปล่อยไว้ที่นี่ตอนเช้าและกลับมารับตอนค่ำ และเคยได้ยินแม่พูดกับเด็กว่า อยู่ตรงนี้ก่อนสัก 1 ปี เดี๋ยวจะให้กลับไปเรียนหนังสือ ซึ่งประชาชนแถวนั้นก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้เห็นภาพนี้ เพราะเด็กควรจะมีโอกาสได้เรียนหนังสือ ไม่ใช่มาอยู่กันตามลำพัง วันนี้จึงประสานกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้เข้าช่วยเหลือ Advertisement ต่อมาเวลา 16.20 น. ภายหลังเจ้าหน้าที่กระทรวง พม. ได้พูดคุยกับ น.ส.มาลิสา อายุ 29 ปี เปิดเผยว่า ตนมีลูกทั้งหมด 5 คน อายุ 12 ขวบ 10 ขวบ 8 ขวบ 2 ขวบ และ 1 ขวบ โดย 3 คนแรกเป็นลูกกับสามีเก่า อีก 2 คนเป็นลูกกับสามีคนปัจจุบัน สาเหตุที่ต้องนำลูกไปปล่อยไว้ที่ห้าง เพราะตนมีความจำเป็น ไม่มีที่ดูแลลูก ตอนนี้สามีตกงาน กำลังหางานทำ ส่วนตนต้องทำงานเป็นลูกจ้างร้านเสริมสวย ได้เงินวันละ 320 บาท ใช้ดูแลทั้งครอบครัว 7 คน โดยห้องเช่าที่อยู่ ก็ไม่ให้เด็กอยู่ตอนกลางวัน เพราะมีคนร้องเรียนว่าเด็กเสียงดัง ก่อนหน้านี้พาลูกไปอยู่กับพ่อแม่สามี ซึ่งทำงานร้านอาหารตามสั่งอยู่ใกล้กับห้างดังกล่าว แต่ต่อมาทางร้านก็ไม่ให้เด็กอยู่แล้ว เพราะเด็กเล่นกันเจี๊ยวจ๊าวเสียงดังรบกวนลูกค้า ตนจึงไม่รู้จะพาไปไหน เห็นว่าตรงนี้อยู่ใกล้กับที่ทำงานตน จึงพาลูกมาไว้ตอนเช้า ตอนเย็นก็มารับกลับ โดยให้เงินไว้ใช้วันละ 40-60 บาท ซึ่งรู้ว่าไม่พอ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ตอนกลางวันตนกับสามีก็จะผลัดกันมาดูลูกคอยเอาข้าวมาให้ หลังจากนี้ ทางกระทรวง พม. จะรับเด็กไปดูแลที่บ้านพัก พม. ก่อน ซึ่งตนคงคิดถึงลูก แต่เพื่ออนาคตของเด็กก็ต้องยอม โดยตนจะตั้งใจทำงานเก็บเงิน เพื่อให้ลูกได้มีที่อยู่ เมื่อตั้งตัวได้แล้ว จะไปรับกลับมาและยืนยันว่า ตนอยากให้ลูกได้เรียนหนังสือ ก่อนหน้านี้คนโต 3 คนก็เรียนอยู่ที่จังหวัดสระบุรี แต่พอย้ายมาที่นี่ ยังทำเรื่องเข้าโรงเรียนไม่ทัน ซึ่งตนก็พยายามเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้เพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือด้วย